วันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2557

โอวาทหลังทำวัตรค่ำ การปฏิบัติของพระใหม่ ณ วัดท่าขนุน


โอวาทหลังทำวัตรค่ำ "การปฏิบัติของพระใหม่"
โดยพระครูวิลาศกาญจนธรรม

....พูดถึงเรื่องการปฏิบัติ ผมดีใจที่พวกเราชุดนี้สนใจการปฏิบัติกันมาก มีทั้งขออนุญาตเดินทางไกล ไปค้างคืน และมีการฝึกแบบทหารเพื่อทดสอบกำลังใจด้วย แต่เราต้องไม่ลืมว่ากำลังใจเราจะดีขนาดไหนก็ตาม หรือศึกษามามากขนาดไหนก็ตาม เราก็ยังอยู่ในสภาพของพระใหม่ ถ้ายังไม่เกิน ๕ พรรษา ถือว่าเป็นนวกะ ต้องอยู่ถือนิสัยภายใต้การอบรมของครูบาอาจารย์



เพราะฉะนั้น..ถ้าขออนุญาต ผมก็ผ่อนผันให้ไป แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไปแล้วจะทำอะไรได้อย่างใจตนเองทุกอย่าง ความที่เราเป็นพระใหม่ กิริยาอาการของฆราวาสยังมีอยู่ เราอาจจะไปทำให้โยมเขาเสื่อมศรัทธาโดยไม่รู้ตัว แม้กระทั่งในวัดของเรามีถนนเป็นทางผ่าน โยมเขาขับรถไปขี่รถมาก็เห็นได้ อย่างเช่นถ้าเรานุ่งผ้าอาบผืนเดียว ถือแปรงสีฟันขันน้ำไปห้องน้ำ หรือไม่เวลาทำงานก็ขัดเขมร ถกสบง ถอดอังสะ

อย่าลืมว่าเราเป็นพระภิกษุสงฆ์ เป็นปูชนียบุคคล ญาติโยมเขากราบไหว้บูชา ก็แปลว่าทำอย่างไรที่ขันธ์ ๕ ของเรา จะยังชาวบ้านให้เลื่อมใสได้มากที่สุด เพราะฉะนั้น..ถึงต้องมีสมณสารูป นุ่งให้เรียบร้อย ห่มให้เรียบร้อยเป็นปริมณฑล เบื้องล่างเขาบอกว่าปิดหน้าแข้ง ผมเห็นหลายท่านนุ่งสบงลอยอย่างกับมินิสเกิร์ต..! จำไว้ว่านุ่งถึงครึ่งแข้ง เปิดหัวเข่าเมื่อไรก็โดนอาบัติเมื่อนั้น

โดยเฉพาะเณรชอบถลกสบงจริง ๆ อะไรจะร้อนขนาดนั้น ต่อไปอย่าทำให้เห็นอีก ผมถือว่าบอกแล้ว ถ้ายังทำให้เห็นอีกแสดงว่าอยากได้รางวัล ผมก็จะมีให้ ไม่หวง..!

ส่วนในเรื่องของการอดอาหาร มีทั้งส่วนดีและส่วนไม่ดี การที่เราอดอาหารเพื่อทดสอบการปฏิบัติ ในส่วนดีอันดับแรกก็คือ ไม่ต้องไปกังวลเรื่องอาหาร สามารถปฏิบัติได้ต่อเนื่อง เมื่อเวลาร่างกายรับอาหารเข้าไปจะเกิดความหนัก เลือดลมโคจรไม่คล่องตัว การภาวนาก็ไม่ดีเท่าที่ควร แต่พระพุทธเจ้าตรัสว่า ต้องเป็นมัชฌิมาปฏิปทา คือพอเหมาะพอดีกับธาตุขันธ์ตัวเอง

ส่วนข้อเสีย ก็คือ เวลาอดอาหาร ร่างกายขาดสารอาหารที่เคยได้รับ เราจะหงุดหงิดฟุ้งซ่านได้ง่าย และถ้ารู้สึกหิวอยู่ตลอดเวลา ใจจะกังวล ฉะนั้น..เอาให้พอดี จำไม่ได้ว่าเป็นใคร เขาบอกว่าสามมื้อเพื่อกาม ก็คือฆราวาส เพราะต้องทำงานและยังมีลูกมีเมียด้วย สองมื้อเพื่องาน ก็คืออย่างพระของเรา ฉันสองมื้อเพื่อจะได้ทำกิจการงานของสงฆ์ หนึ่งมื้อเพื่อพรหมจรรย์ ก็คือ จะทุ่มเทเรื่องการปฏิบัติ ตัดกังวลเรื่องกินให้มากที่สุด

ดังนั้น..ส่วนของความพอเหมาะพอดีจะต้องมี แต่ละคนถ้าเอาความเป็นสัปปายะ ก็คือ พอเหมาะ พอดี พอสมควรแก่ตัว การปฏิบัติจึงจะเจริญ

พระปฏิบัติสายอีสาน สายหลวงปู่มั่น ท่านมักจะอดอาหารทรมานตัวเอง เพราะว่าเป็นวิสัยเดิมของท่าน วิสัยเดิมของคนอีสานต้องต่อสู้กับสภาพความแห้งแล้งโหดร้ายของดินฟ้าอากาศมาตลอด จิตใจของท่านจึงค่อนข้างจะเข้มแข็ง ถ้าพูดภาษาชาวบ้านก็คือดื้อ ต้องทรมานกันให้หนัก ๆ จึงจะยอมลงให้ หลายท่านถึงขนาดอดอาหาร ๑๕ วันติดต่อกันก็มี

แต่เราต้องคำนึงถึงความพอดี เพราะถ้าไม่พอดี เกินหรือขาดก็จะเสียในเรื่องของธรรมะ พระพุทธเจ้าทรงทรมานร่างกายยิ่งกว่าเรา แต่ไม่สำเร็จมรรคผล เพราะฉะนั้น..พวกเราต้องดูแค่พอเหมาะ พอดี พอควร และความพอเหมาะพอดีของแต่ละคนก็ไม่เท่ากัน ไม่มีมาตรฐาน ๕๐ เปอร์เซ็นต์ ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกาย ขึ้นอยู่กับกำลังสมาธิ ขึ้นอยู่กับบุญบารมีที่สั่งสมมา ใครที่ทำมาเยอะ ก็สามารถที่จะอดได้มากกว่าคนอื่นเขา คนที่ทำมาน้อยก็ลดหย่อนลงมาหน่อยหนึ่ง

แต่เรื่องของอาหารผมขอบอกไว้เลยว่า ถ้าทรงฌานไม่ถึงปฐมฌานละเอียด อดอาหารไม่ได้ผลหรอก อย่างน้อย ๆ ต้องได้ปฐมฌานละเอียดขึ้นไป เพราะถ้าทรงปฐมฌานละเอียดได้ จิตกับประสาทจะเริ่มแยกออกจากกัน จะไม่สนใจร่างกาย จะไม่สนใจเรื่องอาหาร ประเภทไม่รับรู้เลยเสียด้วยซ้ำ มีความสุขอยู่กับภาวนาเฉพาะหน้า หรือว่ามีความสุขกับการพิจารณาธรรมเฉพาะหน้า

บางรายกำลังพิจารณาต่อเนื่อง ประเภทกำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม พอถึงเวลาตีกลองเพลดังตูม..! ได้เวลาไปฉัน อารมณ์ที่ทำได้ก็หยุดไป ดังนั้น..ถ้าไม่ได้อดอาหาร เราก็จะเสียการปฏิบัติในตอนนั้น เรื่องพวกนี้อยู่ที่ว่านักปฏิบัติทำได้ถึงระดับไหน แต่ถ้าทรงปฐมฌานละเอียดไม่ได้ อดอาหารไปไม่มีผลหรอก เพราะจิตกับประสาทแยกออกจากกันไม่ได้ กังวลอยู่ตลอดเวลา มีความฟุ้งซ่านอยู่ตลอดเวลา ใครพูดผิดหูก็ง้างกำปั้นใส่ แต่ท่านใดจะลองฉันมื้อเดียวก็ได้ จะได้ถือโอกาสลดน้ำหนักไปในตัว

ที่นี่พวกเราก็รู้อยู่ว่าระเบียบไม่ได้ตึงเครียดจนเกินไป แต่ก็ไม่ได้ปล่อยให้หย่อน ขนาดนี้วัดอื่นเขายังบ่นว่าวัดเราโหดเกินไป ใจจริงผมอยากให้เข้มกว่านี้อีกหน่อย แต่กลัวว่าพวกคุณจะไปกันไม่ไหว ไม่อย่างนั้นใครบวชขึ้นมา จับเลิกบุหรี่เสียให้หมด รับรองได้ว่าต้องมีการแขวนคอตาย..!

เดี๋ยวนี้วัดเขาถือเป็นที่ปลอดบุหรี่ตามกฏหมาย ใครสูบบุหรี่ในวัดมีความผิด เจ้าอาวาสโดนปรับ คนสูบโดนปรับด้วย เจ้าอาวาสโดนปรับหนึ่งหมื่นบาท คนสูบโดนปรับสองหมื่นบาท ใครหมั่นไส้เจ้าอาวาสให้เตรียมเงินไว้สองหมื่น แล้วคาบบุหรี่ไว้อวดชาวบ้านได้ ถ้ามีใครถ่ายรูปไปฟ้อง ก็ซวยด้วยกันทั้งคู่

วันนี้ที่เตือนคือเรื่องสมณสารูปของเรา โดยเฉพาะการที่เราเป็นพระ จะมึงมาพาโวยกับฆราวาสก็ให้พยายามลดหน่อย ต่อให้เป็นพระใหม่ขนาดไหนก็ตาม ตัวเรานุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์อยู่ โกนหัวอยู่ จะต้องนึกถึงสภาพตัวเองก่อน..ต้องพยายามลดกาย วาจา ใจ ที่ไม่ดีลง กาย วาจา ใจ ที่ดีกว่านี้ยังมีอยู่ เราต้องทำกายวาจาใจเหล่านั้นให้ได้ บัดนี้เรามีเพศต่างจากคฤหัสถ์แล้ว กิริยาอาการใด ๆ ของสมณะ เราต้องทำกิริยาอาการนั้น

ส่วนเรื่องของการปฏิบัติ ต้องพยายามรักษาอารมณ์ให้ต่อเนื่อง ถ้าใครจะเอาเข้มอย่างคนอื่นเขาถึงขนาดอดอาหาร ก็ให้ระมัดระวัง ปรับให้พอเหมาะพอดีกับตัวเอง จะได้ไม่เสียผลการปฏิบัติ วันนี้ก็คงเตือนพวกเราไว้แค่นี้

โอวาทหลังทำวัตรค่ำ ณ วัดท่าขนุน
โดยพระครูวิลาศกาญจนธรรม
ข้อมูลจากเว็บวัดท่าขนุน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น